กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ต้นแบบบริษัท Smart Working แห่งแรก

สอดรับการเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุด

บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เป็นแบบ Smart Working สอดรับการเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุด นับตั้งแต่การเผชิญกับความท้าทายของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 พนักงานทุกคน สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง ทำงานประสานประโยชน์ร่วมกัน และผลักดันตัวเองได้ดี รวมทั้งยังให้ความสำคัญกับลูกค้าและคู่ค้าด้วยแนวคิด Customer First โดยในปีนี้กลุ่มแอกซ่ามีแผนกลยุทธ์ใหม่ในเรื่อง “Driving Progress 2023” พร้อมประกาศขยายรูปแบบการทำงานแบบ Smart Working ให้ครอบคลุมแอกซ่าในทุกประเทศทั่วโลก โดยเริ่มตั้งแต่มกราคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป

นางแซลลี่ โอฮาร่า ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ก่อนช่วงวิกฤต พนักงานแอกซ่าจำนวนมาก (38% ของพนักงานแอกซ่าทั้งหมดจากทั่วโลก) ในหลายประเทศทำงานนอกสถานที่ (Remote Working) เป็นเวลา 1 หรือ 2 วันต่อสัปดาห์ วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้สร้างจุดเปลี่ยนของรูปแบบการทำงานของเราพวกเราส่วนใหญ่เคยผ่านช่วงเวลาที่ทำงานที่บ้าน และยังคงทำงานที่บ้านกันอยู่เป็นจำนวนมาก จากผลสำรวจ Pulse Survey ของเราในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่าพนักงานแอกซ่า 90% ทั่วโลก และ 94% พนักงานกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต มีความต้องการที่จะนำรูปแบบการทำงานนอกสถานที่มาใช้มากขึ้นในอนาคต

โดยกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในฐานะบริษัทสุดยอดนายจ้างดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี 2563 “Thailand Best Employers 2020” ที่ได้รับรางวัลจากบริษัท คินเซนทริค ดิฉันมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมแบ่งปันความมุ่งมั่นของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน เป็นแบบ Smart Working ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางระดับโลกของกลุ่มแอกซ่า และมอบประสบการณ์แก่พนักงานในประเทศไทยด้วยนโยบายส่งเสริมทางด้านดิจิทัล โดยมีการปรับรูปแบบในการจัดหลักสูตรการเรียนรู้ต่างๆ ให้เป็นแบบ Virtual ผ่านช่องทางดิจิทัลต่างๆ รวมถึงเน้นการรับฟังเสียงของพนักงาน เพราะทุกเสียงๆ ของพนักงานมีค่า ซึ่งพนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นได้ทุกๆ เรื่อง เพื่อพัฒนาให้องค์กรดียิ่งขึ้นอย่างยั่งยืน”

Smart Working ของแอกซ่าเป็นการนำด้านที่ดีที่สุดของการทำงานนอกสถานที่ และการทำงานในสำนักงานมารวมกัน โดยนำไปใช้กับทุกบทบาทหน้าที่ ที่สามารถทำงานนอกสถานที่ได้ อีกทั้งพนักงานยังสามารถทำงานในสำนักงานตามความต้องการหรือเหตุจำเป็นได้โดยปราศจากข้อบังคับ การแบ่งรูปแบบการทำงานออกเป็นสองแบบเช่นนี้จะช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการทำงานมากขึ้น และยังคงรักษาความเป็น ONE AXA ไว้ได้ รูปแบบการทำงานนี้เป็นระบบที่ยั่งยืนและจะนำมาใช้ในระยะยาว นอกจากนั้นจะช่วยให้เรามอบอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบด้วยความไว้วางใจซึ่งกันและกันมากขึ้น ทั้งนี้การทำงานนอกสถานที่จะช่วยให้เรามีสมดุลระหว่างการใช้ชีวิตและการทำงาน (work-life balance) การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น และการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการใช้เวลาเดินทางที่น้อยลง ทั้งหมดนี้จะทำให้เกิดความยืดหยุ่นและสร้างคุณภาพชีวิตโดยรวมที่ดีขึ้น

การปรับองค์กรของบริษัทให้เข้ากับยุคหลังโควิด-19 จะช่วยให้สามารถกำหนดกรอบการทำงานที่สมดุลได้มากขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับลักษณะของงานและความต้องการของลูกค้า และเป็นการผสานกันระหว่างความยืดหยุ่นจากการทำงานนอกสถานที่และการใช้สำนักงานเป็นหลัก รูปแบบการทำงานเช่นนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้แอกซ่าเป็นหนึ่งในองค์กรที่ดีที่สุด ทั้งในระดับโลกและระดับประเทศ ทุกหน่วยงานของแอกซ่าจะเปลี่ยนไปสู่รูปแบบ Smart Working ภายในปลายปี 2566 และสำหรับกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้ดำเนินการทดลองการทำงานนอกสถานที่มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2563 เพื่อที่จะเตรียมใช้อย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม พ.ศ. 2564

ทั้งนี้บริษัทมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับพนักงาน การพัฒนาและการเรียนรู้ ส่งเสริมความเท่าเทียมกัน พร้อมทั้งดำเนินกิจการอย่างโดดเด่นในด้านในการช่วยเหลือสังคมอย่างยั่งยืน จนเป็นที่ยอมรับในด้านการบริหารบุคลากรที่มีความเป็นเลิศอย่างครบวงจร ความมุ่งมั่นที่จะนำ Smart Working มาใช้ในองค์กร นับว่าเป็นก้าวสำคัญที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของกรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในการเป็นองค์กรที่น่าทำงานมากที่สุด รวมถึงการร่วมกันสร้างวัฒนธรรมในการทำงานที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของบริษัทฯ ในขณะเดียวกันก็ช่วยทำให้คุณภาพชีวิตของพนักงานดีขึ้น ด้วยการนำด้านที่ดีที่สุดของการทำงานนอกสถานที่และการทำงานในสำนักงานมารวมเข้าด้วยกัน ตามนโยบายของบริษัทฯ ที่อยู่เคียงข้างทุกความเชื่อมั่น ดูแลกันตลอดไป


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 1,330,791