เคทีซีกำไรสุทธิครึ่งปีแรกโตฉลุย 25% เท่ากับ 1,519 ล้านบาท
ดันฐานสมาชิกรวมทะลุ 3 ล้านบัญชี เอ็นพีแอลลูกหนี้รวมต่ำกว่าอุตสาหกรรม
ยันเป้ากำไรปีนี้เติบโต 10% เตรียมแผนรับมือเกณฑ์ใหม่ของแบงค์ชาติ
เคทีซีประกาศผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกเติบโตน่าพอใจ กำไรสุทธิ 1,519 ล้านบาท เติบโต 25% ปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรขยายตัวสูงกว่าอุตสาหกรรม อยู่ที่ 6.8% พอร์ตลูกหนี้คุณภาพดี ยอดลูกหนี้รวมขยายตัว 10% ในขณะที่ NPL ลูกหนี้รวมหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของบริษัทฯ ลดลงต่อเนื่องต่ำกว่าอุตสาหกรรมเท่ากับ 1.57% ส่วนฐานสมาชิกรวมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเติบโตมากกว่า 3 ล้านบัญชี
นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ภาพรวมของธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของไทยในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าขยายตัวดี สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้ปรับประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2560 เป็น 3.5% จาก 3.4% ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา”
“ในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ เคทีซียังคงความสามารถในการสร้างรายได้และการทำกำไร จากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เติบโต และจากยอดลูกหนี้ทั้งธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงยังสามารถควบคุมให้สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในระดับใกล้เคียงเดิม โดยกำไรสุทธิ 6 เดือนเท่ากับ 1,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 5.89 บาท ส่วนไตรมาส 2/2560 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 787 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา 7% และเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2559 ซึ่งเท่ากับ 580 ล้านบาท ผลจากรายได้โต 12% มากกว่าค่าใช้จ่ายรวมที่เพิ่มขึ้น 8% จากค่าธรรมเนียมจ่ายให้แก่บริษัทภายนอก รวมถึงการตัดหนี้สูญและสำรองหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ต”
ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560 บริษัทฯ มีพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 61,645 ล้านบาท เติบโต 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า ฐานสมาชิกรวม 3.0 ล้านบัญชี ขยายตัว9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บัตรเครดิต 2,180,786 บัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิรวม 40,991 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 850,383 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิรวม 20,503 ล้านบาท ลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมอยู่ที่ 1.57% ลดลงจาก 1.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดย NPL บัตรเครดิตและ NPL สินเชื่อบุคคล อยู่ที่ 1.22% และ 0.88% ตามลำดับ
บริษัทฯ มีรายได้รวมไตรมาส 2/2560 เท่ากับ 4,820 ล้านบาท เพิ่มจากการขยายตัวของพอร์ตลูกหนี้รวมที่เพิ่มขึ้น 10% ทำให้รายได้ดอกเบี้ย (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) เพิ่มที่ 13% และรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มที่ 9% ขณะที่ค่าใช้จ่ายการบริหารงานเท่ากับ 1,751 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากค่าใช้จ่ายด้านบุคลากร ค่าธรรมเนียมจ่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารงานอื่นที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตลาดลดลงมาก ประกอบกับบริษัทฯ มีหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าค่าใช้จ่ายทางการเงินจะเพิ่มขึ้นที่ 8% แต่ฐานจำนวนเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นมากกว่า ทำให้ต้นทุนเงินทุนลดลงจาก 3.30% ในไตรมาส 2/2559 เหลือเพียง 3.23% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีนี้
ในไตรมาสที่ 2/2560 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) 24,890 ล้านบาท เป็นวงเงินจากธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 6,860 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ มีต้นทุนการเงินครึ่งปีลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 3.20% และมีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.12 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า
นายระเฑียรกล่าวเพิ่มเติม “สำหรับแผนงานของเคทีซีในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ จะเตรียมปรับกลยุทธ์รองรับเกณฑ์ใหม่ของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าใหม่ที่เป็นเป้าหมาย เรามองว่ามาตรการใหม่นี้จะมีส่วนช่วยให้ผู้บริโภคคำนึงถึงความสำคัญของการมีวินัยในการบริหารค่าใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ภาพรวมของพอร์ตลูกหนี้ทั้งอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น และยังส่งผลดีต่อเนื่องให้กับพอร์ตลูกหนี้ของบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน รวมทั้งยังมีส่วนสนับสนุนให้สมาชิกมีความผูกพันกับ แบรนด์และบัตรเครดิตหรือบัตรกดเงินสดที่ถืออยู่มากขึ้น”
“นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับฐานสมาชิกที่มีอยู่ ถึงแม้ว่าสมาชิกเดิมจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใดจากกฎเกณฑ์ใหม่นี้ก็ตาม โดยบริษัทฯ จะรุกทำการตลาดแบบไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้สมาชิกทุกพื้นที่ที่อาศัยอยู่ ได้รับความคุ้มค่าและความสุขทุกครั้งจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซี ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ หรือผ่านร้านค้าออนไลน์ ด้วยแคมเปญการตลาดแบบผสมผสานที่ครอบคลุมทุกหมวดการใช้จ่ายหลัก และตอบสนองไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม พร้อมทั้งเตรียมพร้อมรับกระแสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรหลักที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วยประสบการณ์ที่น่าพอใจ”