เมืองไทยประกันชีวิต ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัย

จากอิทธิพลของพายุโซนร้อนโพดุล หรือพายุโซนร้อนคาจิกิ

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดสาธารณภัยอันเนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนโพดุล หรือพายุโซนร้อนคาจิกิ ตามรายงานสถานการณ์สาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ทำให้ประชาชนรวมถึงลูกค้าของบริษัทฯ ได้รับความเดือดร้อน

บริษัทฯ จึงได้ออกมาตรการเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เอาประกันภัยของบริษัทฯ ที่ประสบภัยและมีภูมิลำเนาตามที่แจ้งไว้ในกรมธรรม์อยู่ในเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัยจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนโพดุล หรือพายุโซนร้อนคาจิกิ ตามรายงานสถานการณ์สาธารณภัยฯ จำนวน 25 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ แพร่ น่าน แม่ฮ่องสอน ลำปาง อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ พิษณุโลก สุโขทัย พิจิตร อุบลราชธานี ขอนแก่น อุดรธานี อำนาจเจริญ นครพนม ร้อยเอ็ด ยโสธร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ ศรีสะเกษ สกลนคร มหาสารคาม สระแก้ว และระนอง ดังนี้

1. กรณีกรมธรรม์ครบกำหนดระยะเวลาผ่อนผันการชำระเบี้ยประกันภัยในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 บริษัทฯ จะขยายระยะเวลาผ่อนผันออกไปอีก 60 วัน นับแต่วันครบระยะเวลาผ่อนผันเดิม
2. กรณีกรมธรรม์ขาดอายุ หรือเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จอัตโนมัติ หรือแปลงเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลาอัตโนมัติในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 หากมีการขอต่ออายุกรมธรรม์ หรือขอกลับคืนสู่สถานะเดิมของกรมธรรม์ภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่กรมธรรม์ขาดอายุ หรือเปลี่ยนเป็นกรมธรรม์ใช้เงินสำเร็จอัตโนมัติ หรือแปลงเป็นกรมธรรม์แบบขยายเวลาอัตโนมัติ บริษัทฯ จะยกเว้นดอกเบี้ยและงดการตรวจสุขภาพในระหว่างนั้น
3. กรณีกรมธรรม์มีการนำมูลค่าเวนคืนมาชำระเบี้ยประกันภัยโดยอัตโนมัติในระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม 2562 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2562 บริษัทฯ จะยกเว้นดอกเบี้ยหากชำระคืนเงินกู้ชำระเบี้ยประกันภัยอัตโนมัติเต็มจำนวน ภายใน 6 เดือน นับแต่วันครบกำหนดชำระ
4. กรณีกรมธรรม์สูญหายหรือเสียหายจากเหตุการณ์สาธารณภัยนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการออกกรมธรรม์ทดแทนให้ใหม่โดยไม่คิดค่าธรรมเนียม

นายสาระ กล่าวอีกว่า นอกจากมาตรการความช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยดังกล่าวแล้ว ทางบริษัทฯ ยังได้ส่งมอบถุงยังชีพ ซึ่งบรรจุอาหาร เครื่องใช้ และสิ่งของจำเป็นต่อการยังชีพ เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนอีกทางหนึ่งด้วย


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 1,330,766