วิริยะประกันภัย เปิดปฏิบัติการ FIRST AID

กู้รถยนต์ในพื้นที่ประสบอุทกภัยภาคอีสาน

วิริยะประกันภัย งัด “ปฏิบัติการ FIRST AID” รุดกู้และซ่อมรถยนต์ในพื้นที่ภาคอีสาน หลังประสบอุทกภัยจากอิทธิพลพายุโซนร้อนโพดุล-คาจิกิ ประเมินเบื้องต้นมีรถเอาประกันภัยไว้กับบริษัทฯ เกือบ 200 คัน ความเสียหายรวมกว่า 25 ล้านบาท เผยจังหวัดร้อยเอ็ดมากสุด 69 คัน รองลงมาจังหวัดขอนแก่น 56 คน นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ระดมธารน้ำใจจากวิริยะจิตอาสาทั่วอีสานส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ช่วยประชาชนในพื้นที่

นายณัฐพงศ์ บุญเย็น ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการภาค 2 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยอันเนื่องมากจากอิทธพลพายุโซนร้อนโพดุล และพายุโซนร้อนคาจิกิ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ยังให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินสไลด์ในหลายจังหวัด ส่งผลให้ประชาชนต่างได้รับความเดือดร้อน บ้านเรือน และทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน ที่สถานการณ์ยังคงน่าเป็นห่วง และในบางพื้นที่ยังคงต้องคอยเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง

สำหรับบริษัทวิริยะประกันภัย มีการรับประกันภัยเอาไว้ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์ โดยข้อมูลที่ได้รับแจ้งจากผู้เอาประกันภัยตามรายงานจากศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในพื้นที่ วันที่ 27-10 กันยายน 2562 มีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากภัยน้ำท่วมครั้งนี้ จำนวนรวมทั้งสิ้น 190 คัน โดยจังหวัดที่มีรถยนต์ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด คือ จังหวัดร้อยเอ็ด 69 คัน รองลงมา คือ จังหวัดขอนแก่น 56 คัน จังหวัดอุบลราชธานี 17 คัน จังหวัดมุกดาหาร 15 คัน จังหวัดยโสธร 12 คัน จังหวัดอุดรธานี 10 คัน จังหวัดกาฬสินธุ์ 8 คัน และจังหวัดสกลนคร 3 คัน ประเมินความเสียหายเบื้องต้นรวมเป็นเงินกว่า 25 ล้านบาท

นายณัฐพงศ์กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการเข้าไปช่วยเหลือรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมจำนวนมาก ด้วยการนำโมเดล “ปฏิบัติการ FIRST AID” อันเป็นระบบที่บริษัทฯ ได้คิดค้นขึ้นมา เพื่อดำเนินการกู้และซ่อมแซมรักษารถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมจากการเกิดอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยเมื่อปี 2554 และยังคงมีการพัฒนากระบวนการทำงานอยู่เสมอ อีกทั้งเมื่อเกิดเหตุอุทกภัยในครั้งต่อๆ มา บริษัทฯ ยังได้นำ “ปฏิบัติการ FIRST AID” มาใช้จนเป็นผลสำเร็จอย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นได้ว่าไม่ว่าอุทกภัยจะเกิดขึ้นที่ไหน และมีรถยนต์เสียหายจำนวนมากน้อยแค่ไหนก็ตาม ศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนก็สามารถทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอการสั่งการ ตลอดไปถึงการส่งทีมงานจากส่วนกลางเข้าไปช่วยเหลือ

“บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญจากการปฏิบัติการ FIRST AID ในเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา และมีการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวที่จะต้องใช้ความรวดเร็วในการเข้าไปยังพื้นที่น้ำท่วม นำรถยนต์ออกมาให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ความเสียหายขยายตัวไปมากกว่าเดิม และด้วยจิตสำนึกในการบูรณาการและประสานความร่วมมือของทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร พนักงาน ตัวแทน นายหน้า ศูนย์ซ่อมมาตรฐาน และคู่ค้า รวมไปถึงการเตรียมความพร้อมของเครือข่ายรถยกในสังกัดวิริยะประกันภัยที่อยู่ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง จึงทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ในทันที ตลอดไปถึงความรวดเร็วในการดำเนินการและการให้ความดูแลลูกค้า ดังเช่นที่จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อรถผ่านกระบวนการฟื้นสภาพหรือซ่อมแซมเบื้องต้นแล้ว ไม่เกิน 7 วัน ก็สามารถส่งมอบรถคืนให้แก่ลูกค้า

ทั้งนี้การเข้าไปกอบกู้รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ยังพบว่ารถยนต์หลายคันที่กู้ขึ้นมาไม่ได้ทำประกันภัยไว้กับบริษัทฯ หรือเป็นการประกันภัยประเภทอื่นที่ไม่มีความคุ้มครองภัยน้ำท่วม ซึ่งในกรณีนี้บริษัทฯ ก็ยินดีที่จะให้คำปรึกษาและแนะนำถึงกระบวนการต่อไปว่าควรทำอย่างไรกับสภาพความเสียหายจริงที่เกิดขึ้น” นายณัฐพงศ์กล่าว

นอกจากการระดมสรรพกำลังเข้าไปกู้และซ่อมแซมรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักของบริษัทฯ แล้ว การเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในรูปแบบอื่นๆ ทางบริษัทฯ ก็ได้ดำเนินการควบคู่ไปพร้อมๆ กัน โดยนายณัฐพงศ์ได้กล่าวถึงการดำเนินงานในส่วนนี้ว่า เป็นภารกิจหลักของกลุ่มพนักงานวิริยะจิตอาสา โดยเริ่มจากกลุ่มพนักงานสำรวจภัยซึ่งต้องทำหน้าที่เข้าไปสำรวจรถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมตามที่ได้รับแจ้งอยู่แล้ว และจะทำหน้าที่สำรวจความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่นั้นๆ ไปด้วยเลยว่า ต้องการให้ช่วยเหลือในเรื่องของเครื่องอุปโภคและบริโภคอย่างไรบ้าง

จากนั้นก็จะส่งข้อมูลความต้องการเหล่านี้มายังศูนย์กลางที่บริษัทฯ โดยประสานงานผ่านศูนย์ปฏิบัติการสินไหมทดแทนในพื้นที่ ซึ่งจะทำหน้าที่ประมวลความต้องการและดำเนินการจัดซื้อ รวมไปถึงการผลิตอาหารพร้อมรับประทาน ก่อนส่งต่อให้กลุ่มพนักงานจิตอาสาอีกกลุ่มหนึ่งลำเลียงไปส่งตามพิกัดข้อมูลที่ได้รับมา

“ด้วยระบบเทคโนโลยีของบริษัทฯ ที่เชื่อมเครือข่ายโยงใยเป็นหนึ่งเดียวภายใต้นวัตกรรมบริการประกันภัย 4.0 ทำให้กลุ่มวิริยะจิตอาสาทั้งที่เป็นพนักงาน ตัวแทน นายหน้า ศูนย์ซ่อมฯ ตลอดไปถึงคู่ค้า และพันธมิตรทางการค้าที่อยู่ทั่วประเทศ จึงสามารถส่งความช่วยเหลือมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งหลังจากผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปแล้ว ในขั้นของกระบวนการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ต้องรีบสรุปความเสียหายที่แท้จริง เพื่อดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้เร็วที่สุด มิใช่พิจารณาตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้” นายณัฐพงศ์กล่าวในที่สุด


ชื่อผู้ตอบ:

Visitors: 1,330,934