ไทยประกันฯ ชูแนวคิดพัฒนาบุคลากร ตอบโจทย์ปรับ Business Model
ยกระดับตัวแทนเป็นทุกคำตอบของประกันชีวิต หรือ Life Solutions
ไทยประกันชีวิตชูแนวคิดพัฒนาบุคลากร ตอบโจทย์การปรับ Business Model ยกระดับตัวแทนเป็นทุกคำตอบของประกันชีวิต หรือ Life Solutions มุ่งพัฒนาทั้งทักษะความรู้ สมรรถนะ และเทคโนโลยี ตั้งเป้าเป็นผู้วางแผนดูแลชีวิต สุขภาพ การเงินและการลงทุนของลูกค้าแบบครบรอบด้าน
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับการ Reinvent Business Model ของบริษัทฯ ที่มุ่งสร้างนวัตกรรมของชีวิต หรือ Life Innovation ประกอบกับการกำหนดวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจในลักษณะ People Business โดยให้ความสำคัญกับ “คน” ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นลูกค้า ตัวแทน พนักงาน ผู้ถือหุ้น และคนในสังคม ไทยประกันชีวิตจึงมุ่งปรับ Mindset ของคนในองค์กร ทั้งพนักงานสำนักงานใหญ่ สาขา และฝ่ายขาย ให้เป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต หรือ Life Solutions
โดยเฉพาะการยกระดับมาตรฐานฝ่ายขาย ให้เป็นมากกว่าคนขายประกันชีวิต มากกว่าเพียงผู้ที่นำส่งสินไหมทดแทนให้กับลูกค้า แต่ต้องเป็น Life Solutions Provider ที่เป็นเพื่อนคู่คิดและที่ปรึกษาพร้อมวางแผนดูแล เคียงข้างผู้เอาประกันในทุกช่วงชีวิต บนพื้นฐานของการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต (Value of Life) คุณค่าของความรัก (Value of Love) และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ (Value of People) ซึ่งเป็นแก่นในการดำเนินธุรกิจประกันชีวิต
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดคุณวุฒิฝ่ายขายออกเป็น 4 ระดับ ตามทักษะ คุณสมบัติ และการผลิตผลงานได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ประกอบด้วย Life Partner มีใบอนุญาตตัวแทนประกันชีวิต Life Partner Prime เป็นผู้บริหาระดับหน่วยขึ้นไป ที่ผ่านการอบรมหลักสูตร Life Partner (LP) Financial Partner ผู้บริหารระดับหน่วยขึ้นไป ผ่านการอบรมหลักสูตร LP และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ขายแบบประกัน Universal Life และ Financial Partner Prime ผู้บริหารระดับหน่วยขึ้นไป ที่มีใบอนุญาต IC License เพื่อขายสินค้า Unit Linked และผ่านการอบรมหลักสูตรที่บริษัทฯ กำหนด
ทั้งนี้ ฝ่ายขายแต่ละกลุ่มจะได้รับการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ตามหลักสูตรที่ได้มาตรฐานของบริษัทฯ ทั้งทักษะด้านการขาย อาทิ หลักสูตรที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial Advisor : FA) หลักสูตร Smart Agent หลักสูตร Life Partner หลักสูตรการนำเสนอขายแบบประกัน Unit Linked หรือ Universal Life หลักสูตรด้านกาเรงิน การลงทุน ฯลฯ ขณะเดียวกันยังต้องผ่านการอบรมหลักสูตรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การตลาด การบริการหลังการขาย เพื่อให้ตัวแทนของบริษัทฯ เป็นผู้รอบรู้และรู้รอบ ในการเป็นทุกคำตอบของชีวิตลูกค้า
ไม่เพียงการพัฒนาทักษะความรู้เท่านั้น บริษัทฯ ยังพัฒนาศักยภาพบุคลากรให้มีสมรรถนะ (Competency) ด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสรรถนะด้านการทำงานเป็นทีม ด้านการแสวงหาความรู้ ด้านความคิดสร้างสรรค์ ฯลฯ รวมถึงการผลักดันให้ฝ่ายขายได้รับคุณวุฒิทั้งระดับประเทศและระดับสากล อาทิ คุณวุฒินักขายเงินล้าน MBRT หรือ MDRT คุณวุฒิ GAMA International Awards หรือการผ่านหลักสูตรความรู้มาตรฐานระหว่างประเทศสำหรับนักวางแผนการเงิน (Fellow Chartered Financial Practitioner : FchFP) เป็นต้น
นอกจากนั้น บุคลากรของไทยประกันชีวิตทั้งฝ่ายขาย พนักงานสำนักงานใหญ่และสาขาจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดให้เท่าทันกระแสเทคโนโลยี โดยการสร้างให้เกิด Digital Mindset ให้มีทักษะความรู้ด้านเทคโนโลยี มีกระบวนการคิดเชิงออกแบบ ที่ใช้การทำความเข้าใจในปัญหาต่างๆ อย่างลึกซึ้ง และนำความคิดสร้างสรรค์มาแก้ไขปัญหา (Design thinking) โดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Customer Centricity การบริหารจัดการ Big Data ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิด Data Driven Mindset ภายในองค์กร และสามารถตอบสนองความต้องการของผู้เอาประกันแต่ละกลุ่มได้อย่างครบรอบด้าน รวมถึงการทำงานแบบ Learning Agility หรือการวางแผนการทำงานและแก้ไขปัญหาทีละส่วน แทนการกำหนดทิศทางการทำงานเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น
ขณะเดียวกันไทยประกันชีวิตมุ่งสร้างวัฒนธรรมองค์กร ให้บุคลากรสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสุข และ ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจ ไว้วางใจ แบ่งปัน” ใส่ใจความต้องการของเพื่อนร่วมงานและผู้เอาประกัน ผ่านการพัฒนากระบวนการทำงานและการบริการ สร้างความไว้วางใจให้เกิดกับผู้เอาประกัน ด้วยการเป็นทุกคำตอบของการประกันชีวิต และแบ่งปันทักษะความรู้ ความเชี่ยวชาญระหว่างบุคลากร ในรูปแบบ Knowledge Management (KM) เพื่อก่อให้เกิดนวัตกรรมในการทำงาน และแบ่งปันต่อเนื่องสู่สังคม ผ่านการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่างๆ
“ไทยประกันชีวิตมุ่งปรับเปลี่ยน Mindset คน เพื่อสร้างให้เกิดเป็นวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่งคนไทยประกันชีวิต จะต้องเป็นผู้รอบรู้และรู้รอบ คือ มีความรู้ ทักษะในด้านต่างๆ ที่ครอบคลุม นอกเหนือจากความรู้ด้านการประกันชีวิต หรือความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สามารถวางแผนดูแลชีวิตลูกค้าได้อย่างครบรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านการเงิน การลงทุน ภาษี การดูแลสุขภาพ รวมถึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อส่งมอบสุขภาพที่ดีให้กับลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีชีวิตที่ยืนยาว และมีความสุขบนความมั่งคั่งในบั้นปลายชีวิต” นายไชยกล่าว
- ความคิดเห็น
- Facebook Comments